นร.จีนชอบใจครูวาดเหมือนจริง ‘แผนที่โลก'

เด็กนักเรียนในประทับใจกลเม็ดสอนภูมิศาสตร์ คุณครูวาดบนกระดานดำ โชว์แผนที่โลกในสัดส่วนถูกต้อง พลางเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ช่วยให้ไม่เบื่อเรียน
ครูวิชาภูมิศาสตร์ หวังโปหมิง มักวาดแผนที่โลกพลาง บรรยายพลาง ระหว่างชั่วโมงเรียนที่โรงเรียนในเมืองหนิงเซี่ย มณฑลส่านซี เขาวาดอย่างตั้งใจ ใช้เวลาประมาณ 4 นาที
เจ้าตัวฝึกปรือฝีมือสเกตช์ภาพประเทศและทวีปต่างๆอยู่ทุกวัน ทำให้วาดได้ถูกสัดส่วน นักเรียนเห็นแล้วเข้าใจว่า ประเทศไหน ทวีปใด อยู่ตรงส่วนไหนของโลก
หลี่เยตัน นักเรียนในชั้นของเขา บอกว่า แต่ก่อนรู้สึกว่าวิชาภูมิศาสตร์น่าเบื่อ แต่ครูหวังวาดรูปทำให้เรียนสนุก เวลาสอน ครูชอบเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศโน้นประเทศนี้
ครูหวังบอกว่า ครูของเขาก็วาดรูปในชั้นเรียนเหมือนกัน เขาจึงเอาอย่างบ้าง สอนแบบนี้ดึงดูดความสนใจของเด็กๆได้
บนโต๊ะทำงานในห้องพักครู หวังมีลูกโลก หนังสือแผนที่ เอาไว้ศึกษา เพื่อให้วาดภาพได้อย่างมีรายละเอียด
เด็กๆบอกว่า เรียนกับครูหวัง เหมือนได้ท่องไปทั่วโลก โดยไม่ต้องเดินออกจากห้องเรียนเลย

400-500 กรัมต่อวัน กินผักเท่านี้ "ชีวิตดี"

หากต้องการมีสุขภาพดีอาศัยการออกกำลังกายอย่างเดียวคงไม่พอ หรือแม้จะเลือกกินสิ่งที่มีประโยชน์ควบคู่ ก็ยังต้องกลับมาดูว่าสิ่งนั้นเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแต่ละวันหรือไม่

รศ.สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ประชากรไทยร้อยละ 70 ของกลุ่มประชากรที่สำรวจ มีการรับประทานและผลไม้น้อยกว่าปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีผักที่รับประทานได้ถึง 330 ชนิด ซึ่งเกิดจากสภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ที่เวลาส่วนใหญ่มักอยู่กับการทำงาน มีเวลาค่อนข้างจำกัดขณะที่อาหารจานด่วนที่ประชาชนนิยมซื้อ มักมีส่วนประกอบของผักและผลไม้ค่อนข้างน้อย

"หากรับประทานผักและผลไม้มากกว่า 569 กรัมต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบทางเดินอาหาร แต่หากรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณต่ำกว่า 249 กรัมต่อวัน จะมีความเสี่ยงในโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น"

การรับประทานผัก และผลไม้ให้เพียงพอ ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ถึง 50% ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 30% ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้ 6% โรคมะเร็งทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร 1-6% นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า การรับประทานผักและผลไม้ในสัดส่วนดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง ทั้งเบาหวานและความดันอีกด้วย

ดร.คีธ แรนดอล์ฟ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการของสถาบันสุขภาพนิวทริไลท์ เผยว่า ไฟโตนิวเทรียนท์หรือสารอาหารตามธรรมชาติที่พบในพืชต่างๆ มีหลากสีสัน หากได้รับประทานจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น อาทิ สีแดงหรือไลโคปีน พบมากในมะเขือเทศ ช่วยบำรุงต่อมลูกหมาก และช่วยบำรุงปอดและหัวใจ, สีเขียวหรือลูทิอีน และซีแซนทิน พบมากในบร็อกโคลี ผักกาดเขียว ช่วยบำรุงสายตา, สีขาวหรือเคอเวทิน พบมากในหอมหัวใหญ่ แอปเปิล ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อ
สีม่วงหรือแอนโธไซยานิน พบมากในผลไม้ตระกูลเบอรี่ อาทิ บลูเบอรี่ สตรอเบอรี่ ช่วยบำรุงสมอง และบำรุงหัวใจ, และสีเหลืองและส้มหรือเบต้า-แคโรทีน พบมากในแครอต ฟักทอง ช่วยบำรุงสายตา และบำรุงหัวใจ เฮสเพอริดิน พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยบำรุงหลอดเลือดแดง

"ปริมาณและความหลากหลายของผักและผลไม้มีความ สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเราควรรับประทานผักและผลไม้ในทุกๆ โอกาสที่สามารถทำได้ ตามปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ 400-500 กรัมต่อวัน"

ที่มา นสพ.มติชน